ปากกาพามา

[ปากกาพาไป] โดย พุ่มฮัก พานเสือ


ปากกาพามา

คุณนารินทร์ ทองดี (นามสกุลเหมือนฝรั่ง) ทำปากขมุบขมิบกระซิบกระซาบได้ใจความว่า ให้ผม-พุ่มฮัก มาช่วยเขียนคอลัมน์ปากกาพาไปให้หน่อย ด้วยเห็นว่าคอลัมน์นี้ได้ห่างหายจาก ก้าวรอก้าว ไปนานแล้ว ขืนปล่อยให้หายต่อไปอีก ก็เกรงว่าท่านผู้อ่านจะจับได้ว่าผู้เขียนเป็นคนไม่เอาถ่าน ไม่เอาไหน และไม่เอาอะไรทั้งนั้นที่นักหัดเขียนที่ดีพึงเอา

ผมใช้คำว่า “นักหัดเขียน” เพราะทั้งผมและคุณนารินทร์ยังมิได้เป็นนักเขียน ถึงแม้เราจะเขียนหนังสือมานานจนนับตัวอักษรไม่ถ้วน แต่เราก็ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่านักเขียน รอให้ถึงมือระดับชั้นเดียวกับ วินทร์ เลียววาริณ เสียก่อน เราจึงจะเรียก

คุณนารินทร์ ทองดี (นามสกุลเหมือนฝรั่ง) ติดภารกิจบางอย่าง นั่นก็คือ การเขียนคอลัมน์ธรรมดา และไอ้คอลัมน์ธรรมดานี่แหละครับที่ทำให้เขาต้องตะลอนตระเวนท่องเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ แต่ให้ตายเถอะครับ กองบรรณาธิการ ก้าวรอก้าว ไม่มีงบค่าตั๋วรถเมล์ให้แม้แต่สตางค์แดงเดียว ค่าข้าวค่าน้ำก็ต้องออกเองทั้งนั้น นี่คงจะเป็นกองบรรณาธิการกองเดียวในโลก ที่เหยาะเชื้อเพลิงให้คอลัมนิสต์ด้วยวิสกี้ละลายในแก้วน้ำแข็งโซดา แทนที่จะเป็นธนบัตรหอมกรุ่นที่สามารถซื้อเบียร์มาแช่ตู้เย็นไว้กินเองที่บ้าน

เมื่อเห็นว่าคุณนารินทร์คิดจะเอาดีทางนั้นแล้วปล่อยทางนี้ให้เน่า ผมจึงใจดีรับอาสาเขียนให้ คอลัมน์ปากกาพาไปจึงกลับมาพร้อมกับโกสต์ไรเตอร์-นัก (หัด) เขียนผีขี้เมาที่เคยเมาเข้าบ้านหนอนนับครั้งไม่ถ้วน

แต่สัญญาจ้ะ ว่าจะไม่เมาแล้วเข้าไปป่วนที่ ก้าวรอก้าว (แฮ่ ๆ )

ทีมงาน ก้าวรอก้าว ท่านหนึ่งเคยให้ข้อคิดว่า นักเขียนอาชีพทุกท่านได้แสดงให้เราเห็นตลอดเวลาอยู่แล้วว่า ท่านเป็นมืออาชีพได้อย่างไร

นั่นก็คือการเขียนอย่างต่อเนื่อง เขียนอย่างสม่ำเสมอ และเขียนอย่างมืออาชีพ

นิตยสาร ก้าวรอก้าว จึงออนไลน์ขึ้นมาเพื่อฝึกให้เพื่อนหนอนและนักอ่านที่รักการเขียนได้เขียนอย่างต่อเนื่อง เขียนอย่างสม่ำเสมอ ส่วนจะเขียนได้อย่างมืออาชีพหรือเปล่านั้น ก็อยู่ที่ตัวใครตัวมันละครับ (อันนั้นผมว่าเอง)

ผมเคยถามพี่ทีมงานท่านหนึ่งว่า “เรา” จะก้าวไปถึงไหน?

พี่แกตอบในทำนองว่า เราจะก้าวไปเรื่อย ๆ จะหมื่นก้าว แสนก้าว เราก็จะไป

ผมฟันธงในใจว่า พี่แกตอบได้ดีจริง ๆ พับผ่า! แล้วก็ให้เกิดความคึกคักสนุกสนานจนอยากจะร่วมก้าวตามไปด้วย เมื่อเห็นว่าคุณนารินทร์ ทองดี (นามสกุลเหมือนฝรั่ง) คิดจะก้าวไปในทาง ‘นักข่าว’ จึงเป็นโอกาสเหมาะที่ผมจะมานั่งโต๊ะเขียนคอลัมน์ ติ๊ต่างว่าตัวเองเป็นคอลัมนิสต์ จุดเทียนให้สว่างไสวแล้วด้นไปเรื่อย ๆ นึกอะไรไม่ออกก็จะยังเขียนโดยหวังไปตายเอาบรรทัดล่าง (ห้ามฮา)

อายุผมยังน้อยนัก นมเพิ่งจะแตกพานไปเมื่อไม่นานมานี้เอง จึงยังคงพอมีเรี่ยวแรงก้าวตามพวกพี่ ๆ เขาได้อยู่

มีคนใกล้ชิดที่ได้อ่านเนื้อหาที่ผมเขียน ๆ ไว้ประมาณสามสี่ตอนแล้วก็ชมว่า เหลวเหมือนน้ำ จะหาเนื้อหาหนังสักชิ้นก็ยากเย็นแสนเข็ญ ผมกล่าวขอบคุณเขาด้วยความซาบซึ้ง แล้วโน้มน้าวให้เขาเห็นใจว่า การนอนแบะอยู่ใต้แสงนีออนนาน ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับอ่านตำราวิชาการ หรือร่างรัฐธรรมนูญ หมดโอกาสได้สัมผัสแสงนวลอันแสนโรแมนติกของเทียน จึงหวังด้วยใจอย่างยิ่งยวดว่า กองบรรณาธิการก้าวรอก้าว จะไม่โยนข้อเขียนของผมลงตะกร้า นี่คือความตั้งใจเขียนอย่างยวดยิ่งของผม ผู้ซึ่งได้รับการไหว้วานจากคุณนารินทร์ ทองดี (นามสุกลเหมือนทอดด์) ให้มาดูแลคอลัมน์ของเขา

สาธุ!ขอให้งานเขียนของผมผ่านด้วยเถิด

ถ้าไม่ผ่าน ผมคงต้องโทษ แก๊สโซฮอล์! ·


[อ่าน ปากกาพาไป ในฉบับอื่น] | [สารบัญ – ก้าวฯที่ ๑๗]

3 Responses to ปากกาพามา

  1. สวรรค์เสก พูดว่า:

    อืมมม ความเป็นมืออาชีพ คือผลิตงานออกมาได้อย่างสม่ำเสมอและมีเนื้อหาคู่ควรต่อการเป็นมืออาชีพ นับถือๆๆ

    คำตอบของ “ก้าวรอก้าว” คือ “ก้าวมันไปเรื่อยๆ นี่แหละ” คมคายและลึกซึ้งหยั่งลงถึงปรัชญาของการเคลื่อนไหวและการหยุดนิ่ง

    “เหลวเหมือนน้ำ” หากไม่มีน้ำหรือจะมีเนื้อให้ขบเคี้ยว

    ให้ดิ้นตายเถอะพับผ่า แล้วมันเกี่ยวไรกะ “แก๊สโซฮอล์” อีกละนั่น

    555

  2. โคเคน พูดว่า:

    เหลวเหมือนน้ำ-โซดา-เปล่าว่ะ
    ถึงได้-ซ่า-ซะ

  3. nena พูดว่า:

    โห!ตา

    หลอกให้เรางงตั้งนาน

    ว่าทำไมคุณนารินทร์ คนนั้นถึงนามสกุลเหมือนทอดด์ ที่แท้ก้เพราะแก๊สโซฮอล์ นี่เอง 😉

ใส่ความเห็น