ชีวิตข้างถนน

[กัดกับหมา] โดย ยามักการ


ชีวิตข้างถนน

มันเป็นอาการตกประหม่าในครานั้นที่เราได้สนทนากัน หากไปเล่าให้ใครฟังจะมีใครบ้างที่จะเชื่อว่าผมได้มีโอกาสได้พูดคุยกับหมา แม้กระทั่งผมเองก็ยังแอบคิดไม่ได้ว่ามันเป็นภาพหลอนหลังฝนตก แต่ความจริงก็ย่อมเป็นความจริงแม้ว่ามันจะยากเกินทำใจยอมรับได้

ค่ำวันนั้นหลังจากไฟฟ้าในละแวกบ้านดับลงและปล่อยให้ความมืดโรยตัวลงมาปกคลุมอย่างหนาแน่น ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือหมาไทยพันทางกำลังตะโกนเรียกผมอยู่หน้าประตูรั้ว ผมใช้เวลาตั้งสติอยู่นานกว่าจะมั่นใจว่าเสียงที่ผมได้ยินเป็นเสียงหมาที่กำลังร้องเรียกผมอยู่ และกว่าจะหลุดปากตอบรับกลับไปก็ต้องใช้เวลาอีกกว่าสิบนาที โสตประสาทยังคงแว่วเสียง ‘เฮ้ย…เฮ้ย’ ออกจากปากยื่นยาวของสุนัขพันทางขนเกรียนจนติดหนัง คำถามจากเขายังคงกรอกเข้าโสตประสาท “เฮ้…คุณไม่ได้ยินเสียงเรียกจากผมบ้างเลยเหรอ…ผมถามคุณว่าไฟจะดับไปอีกนานแค่ไหน” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งผมตอบออกไปว่า ผมไม่รู้ เพียงเท่านั้นการสนทนา (ผมเลือกใช้คำว่าสนทนาแทนการใช้คำว่าต่อปากต่อคำ) ก็เกิดขึ้น

“แล้วคุณรู้เรื่องอะไรบ้าง” น้ำเสียงในคำถามเจือความไม่สบอารมณ์อยู่ด้วยอย่างเปิดเผย

“ก็ผมไม่รู้จริงๆ” ผมไม่ทราบจะตอบเขาอย่างไรให้ดีกว่านี้

“ก็ใช่สิคุณจะรู้สึกรู้สาอะไรล่ะ ก็ในเมื่อคุณมีหลังคาคุ้มกะลามั่นคงออกอย่างนั้น คุณไม่ได้มาลองทั้งเปียกทั้งมืดจนคลำทางไม่ถูกอย่างผมดูไหมล่ะ” เขาเย้ยหยันผมอย่างโจ่งแจ้ง

“ก็ถ้ามันยังมืดอยู่และคุณก็เปียกอยู่อย่างนี้ทำไมคุณไม่หยุดรอเสียก่อนเล่าแล้วค่อยเดินทางไปต่อ” ผมพยายามแก้ปัญหาให้เขา

“ผมไม่ได้อิ่มท้องครบสามมื้อสี่มื้ออย่างคุณนี้ ผมยังต้องออกไปหาเศษอาหารเพื่อประทังชีวิต หากผมไปช้าเศษอาหารที่พวกมนุษย์อย่างพวกคุณกินทิ้งกินขว้างอาจจะไม่เหลือตกถึงท้องของผม และผมคงต้องหิวโหย ซึ่งมนุษย์คุณไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกหิวโหยแบบนี้หรอก” เขาเย้ยหยันผมอย่างโจ่งแจ้งเป็นคำรบสอง

“ถ้าคุณหิวผมยังพอมีข้าวก้นหม้อกับกับข้าวอีกสองสามอย่างของมื้อเย็น ถ้าคุณไม่รังเกียจผมยินดีจะเอามาให้คุณกินประทังชีวิตของคุณต่อไปให้ถึงพรุ่งนี้” และผมพยายามที่จะช่วยเขาแก้ปัญหาอีกครั้ง

“ผมไม่ต้องการความสงสาร แต่ถ้าคุณยินดีผมก็ไม่รังเกียจ ว่าแต่เมนูมื้อเย็นของคุณมีอะไรบ้างล่ะ มันอาจจะไม่ถูกปากผมก็ได้” แววตาของเขาดูเป็นมิตรมากขึ้นแต่ผมยังไม่อาจไว้วางใจปากอันยื่นขาวของเขา

“ก็มีแกงส้ม ปลาทูทอด แล้วก็น้ำพริกกะปิน่ะคุณ คุณพอจะกินได้ไหม” ผมแจงรายการอาหาร

“ก็พอทน” เขาแสยะปากอันยื่นยาวของเขาอย่างไม่ยี่หระ

“งั้นเดี๋ยวผมไปเอามาให้”

หลังจากจัดการกับข้าวคลุกที่ผมจัดการขยำใส่กะละมังพลาสติกขนาดย่อมให้จนเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับใช้ลิ้นตวัดน้ำเข้าปากจนหนำใจเขาก็เงยหน้ามองผมด้วยสายตาอันเป็นมิตร แต่ให้ตายเถิดถึงอย่างไรผมก็ยังไม่อาจไว้วางใจปากหมาของเขาได้เลย

“ขอบคุณ แต่รสชาติอาหารดูดาดๆไปหน่อยนะ ถ้าให้ผมทายผมทายว่า ผมว่านี่เป็นอาหารถุงที่ซื้อหามาเป็นแน่ รสชาติแบบตลาดๆไม่มีอะไรแตกต่าง ไม่น่าสนใจ รสมือธรรมดาสามัญมากๆ ปรุงแค่พอกินได้ไม่ได้เลิศเลอ คุณกินอาหารแบบนี้ทุกวันไหม” เขาถามหลังจากที่ให้คำอธิบายเกี่ยวกับอาหารเย็นของผมอย่างตรงไปตรงมา

“ทุกวัน จะเว้นบ้างก็เฉพาะวันหยุด” ผมให้คำตอบ

“ทำไมต้องเฉพาะวันหยุดล่ะ เขาถาม

“ก็เพราะวันหยุดผมจึงจะมีเวลาเข้าครัวปรุงอาหารกินเองน่ะสิ”

“แล้วเวลาของคุณมันหายไปไหนหมดล่ะ”

“หมดไปกับภาระงานในหน้าที่น่ะสิคุณ”

“ภาระของคุณใหญ่หลวงมากขนาดนั้นเลยหรือ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“ผิดกับผมนะ วันผมไม่เห็นต้องมีหน้าที่ให้ต้องรับภาระมากมาย เพียงเตร็ดเตร่ไปเรื่อย หิวก็หาอะไรใส่ปาก ง่วงก็หลับ ถึงเวลาผสมพันธุ์ผมก็ออกไปบู๊กับหมาตัวผู้อื่นบ้างเพื่อแย่งตัวเมีย มีลูกก็ไม่ต้องรับผิดชอบ สบายดีออก” เขาว่า

“แต่ชีวิตมันเหมือนไม่มีคุณค่า วันๆไม่ได้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์” ผมแย้ง

“ผมไม่เห็นชีวิตของผมจะไร้ประโยชน์ตรงไหน” เขาตอบหน้าตาเฉย “เอาล่ะคุณผมว่าคุณน่าจะหาเวลาทำกับข้าวกินเองให้มากกว่านี้นะ”

“ทำไมล่ะ”

“ไม่รู้สิ ช่างมันเหอะ อย่าถือสาผมเลย ชีวิตใครชีวิตมันดีกว่านะคุณ ผมมีชีวิตของหมา คุณก็ใช้ชีวิตแบบคนแบบคุณไปแล้วกัน อ้าว! นี่ไฟฟ้าติดตั้งแต่เมื่อไหร่”

ผมมองออกไปรอบๆบ้านแสงสว่างกลับคืนมาแล้ว

“ผมต้องไปแล้วคุณ”

“ไม่ค้างที่นี่สักคืนล่ะ”

“คุณจะให้ผมนอนในบ้านคุณได้ไหมล่ะ”

ผมอึกอักลังเล

“ไม่ต้องคิดนานขนาดนั้นหรอกคุณ ต่อให้คุณเชิญ ผมก็ต้องปฏิเสธ ก็บอกแล้วไงผมมีชีวิตแบบหมาข้างถนน แล้วเจอกันอีกนะคุณ คุยกับคุณแล้วสนุกดี”

แล้วเขาก็เดินลับหายไป

ทำไมเขาบอกว่าผมควรจะอาหารกินเองให้มากกว่าด้วยนะ ผมไม่ได้กินไม่เลือกเหมือนหมาสักหน่อย อย่างน้อยผมก็เลือกร้านที่ดูสะอาดสะอ้าน อาหารในถาดอยู่ในตู้กระจก มีควันลอยอ้อยอิ่ง แล้วชีวิตแบบหมาข้างถนนของเขาจะเป็นอย่างไรกันนะ แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้งทีหลังนะครับ

สวัสดี.


[อ่าน กัดกับหมา ในฉบับอื่น] | [สารบัญ – ก้าวฯที่ ๑๖]

2 Responses to ชีวิตข้างถนน

  1. กวิสรา พูดว่า:

    น้ำพริกกะปิ ของชอบเลยเจ้าค่ะ
    แต่ ต้องเพิ่มชะอมชุบไข่ทอด ขาดไม่ได้เลย ถ้ามองไม่เห็น
    โอกาสที่ชะอมชุบไข่ทอด จะมาวางข้างๆน้ำพริกกะปิล่ะก็
    จะแอบเสียใจลึกๆ บางครั้งก็นึกไม่อยากกินไปเลย เหมือนมันขาดๆ
    สิ่งคำคัญ ที่หล่อเลี้ยงจิตใจเรามั้งคะ แหะๆๆๆ (ว่ากันทางด้านความรู้สึกนะคะ)

    ที่บ้านปลูกไว้เองหนึ่งต้น แตกยอดเยอะแยะไปหมด
    คนข้างบ้านเค้าให้มาปลูกไว้ค่ะ

    เมื่อก่อนยังไม่ได้ปลูก คุณยายข้างบ้านขยันเด็ด
    แล้วรวบเป็นมัดๆ มาฝาก สม่ำเสมอ

    ครั้นพอได้มาแล้วจะไม่ใช้ทำอะไรเลยก็ให้นึกเสียดาย
    เลยหัดทำน้ำพริกกะปิ ตั้งแต่บัดนั้นมา
    โดยไม่ง้อ น้ำพริกมัดถุงแล้วค่ะ

  2. สวรรค์เสก พูดว่า:

    อ่ะ ปรัชญาจาก “ปากหมา” นี่ไม่เลวแฮะ

ใส่ความเห็น