[สืบศิลป์] โดย กีรติ
สถูปจิ๋ว
เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในดินแดนประเทศไทย มีการสร้างเจดีย์และวัดวาอารามเป็นจำนวนมาก ด้วยความเลื่อมใสและศรัทธาอย่างแรงกล้า จึงปรากฏเจดีย์ที่มีรูป แบบต่างๆ ตามอารยธรรมนั้น
ในการสร้างสิ่งเคารพสักการะเนื่องในพระพุทธศาสนานั้นจำแนกออกเพื่อความเข้าใจได้ ๔ ประเภท คือ
๑. พระธาตุเจดีย์ คือการสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมธาตุ หรือพระธาตุ
๒. พระธรรมเจดีย์ สันนิษฐานว่าเหตุแห่งการสร้างคงมาจากพุทธดำรัสก่อนปรินิพพานที่ว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา จึงมีการจารึกพระธรรมคำสอนต่างๆขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้เพื่อให้เป็นข้อวัตรปฏิบัติสืบมา
๓. บริโภคเจดีย์ หมายถึงสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่นสังเวชนียสถานทั้ง 4 เป็นสำคัญ การสร้างเจดีย์ในช่วงแรกนั้น สร้างตามสังเวชนียสถานทั้ง 4 ของพระองค์ก่อน อันหมายถึงการระลึกถึงพระองค์ จึง เรียกเจดีย์โดยทั่วไปนี้ให้จัดอยู่ในบริโภคเจดีย์
๔. อุเทสิกเจดีย์ หมายถึงสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนพระรัตนตรัย เช่นพระพุทธรูป พระพิมพ์ พระเครื่อง หรือแม้ แต่รอยพระ พุทธบาทจำลองก็ตาม
สถูปจำลอง หรือเจดีย์จำลองนั้นเป็นอุเทสิกเจดีย์ ที่กล่าวเช่นนี้ถึงแม้ว่าสถูปจำลองบางองค์จะบรรจุพระบรมธาตุ แต่ก็มิอาจเป็นมหาธาตุได้ เนื่องจากเป็นส่วนบรรจุภายในพระธาตุเจดีย์ขนาดใหญ่อีกชั้นหนึ่ง ที่ปรากฏหลักฐานการ สร้างในดินแดนไทยมาแต่ครั้งแรกเริ่มสมัยประวัติศาสตร์ นั่นคืออารยธรรมทวารวดี ดังได้กล่าวไว้บ้างในฉบับที่ผ่านมา ซึ่งรูปแบบของสถูปจำลองนั้นอาจมีความคล้ายคลึงหรือแตกต่างบ้างเล็กน้อยกับรูปแบบของเจดีย์ขนาดใหญ่ คติการสร้างนั้นคงเป็นการบูชาพระบรมธาตุ เพราะปรากฏหลักฐานที่มีการขุดค้นพบเจดีย์ที่มีขนาดเล็กภายในกรุใต้ ฐานพระเจดีย์ ซึ่งภายในประดิษฐานพระบรมธาตุนั่นเอง
ความนิยมในการสร้างเจดีย์หรือสถูปจำลองนั้น คงเป็นความนิยมที่รับมาพร้อมกันกับการรับพระพุทธศาสนาจากประเทศอินเดียมาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งในศิลปะอินเดียเอง การ สร้างรูปสัญลักษณ์อย่างเจดีย์ปรากฏอยู่โดยทั่วไป ทั้งประติมากรรมประดับ ประติมากรรมขนาดเล็ก ในศิลปะอินเดียแบบปาละซึ่งเป็นสถูปจำลองจากสำริด ดูจะส่งอิทธิพลให้มีการสร้างสถูปจำลองในลักษณะเดียวกันกับบริเวณภาคกลางของประเทศไทย อาทิ ลพบุรี และสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นอิทธิพล ของศิลปะอินเดียแบบปาละ ผสมกับศิลปะขอม ลักษณะโดยทั่วไปเป็นสถูปจำลองที่ประกอบขึ้นจากฐานสี่เหลี่ยมต่อด้วยเรือนธาตุแปดเหลี่ยม อีกทั้งนิยมการประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งแปดทิศ เหนือขึ้นไปเป็นสถูปทรงระฆังกลม นอกจากนี้ ในศิลปะทวารวดียังปรากฏสถูปจำลองดินเผาอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นเจดีย์ที่เป็นทรงระฆังแล้ว อาทิ สถูป ดินเผา ซึ่งพบที่บ้านหนองกรวด จังหวัดนครสวรรค์
นอกจากนี้ยังพบสถูปจำลองศิลปะอยุธยาอีกเป็นจำนวน ไม่น้อยกระจายอยู่ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติต่างๆ มีทั้งที่สร้างจากศิลาและสำริด โดยรูปแบบนั้นมีความคล้ายคลึงกับรูปแบบของเจดีย์ทรงระฆังแบบอยุธยานั่นเอง เช่น พระสถูปศิลา สมัยอยุธยา จากหลักฐานการขุดค้นพบ ระบุว่าพบในพระเจดีย์ใหญ่ วัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ปัจจุบันจัดแสดงภายในห้องอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร) ซึ่งเจดีย์ทรงระฆังนั้นเมื่อพิจารณาดูก็จะพบว่าเจดีย์ทรงระฆังศิลปะอยุธยาจะมีความแตกต่างกับเจดีย์ทรงระฆังศิลปะสุโขทัย ด้วยรูปวงแหวนที่รองรับองค์ระฆังจะมีรูปแบบที่ต่างกันอยู่ โดยศิลปะสุโขทัยประกอบขึ้นจากบัวถลา ส่วนศิลปะอยุธยาเป็นมาลัยเถา(เรื่องนี้จะขอกล่าวในเรื่องของเจดีย์ทรงระฆังต่อไป) สถูปจำ ลองนี้ยังพบเป็นจำนวนมากภายในกรุ ของเจดีย์ประธาน เช่น ที่วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจของพระสถูปจำลองนั้น นอกเหนือไปจากเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุแล้ว ยังมีความน่าสนใจ อีกประการหนึ่งนั่นคือ ความนิยมในการสร้างดูจะมีความนิยมอย่างกว้างขวางในวัฒนธรรมพุทธศาสนามาตั้งแต่ ครั้งอดีต และสืบ ทอดมายังปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากพระสถูปจากประเทศอินเดีย (ปัจจุบันจัดแสดงภายในห้องเอเชีย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร) ซึ่งเป็นศิลปะอินเดียแบบปาละ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ จากข้อมูลระบุว่าได้มาจากเมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย หรืออีกองค์หนึ่งเป็น เจดีย์ทรงระฆัง (จัดแสดงที่ห้องชวาในพิพิธภัณฑ์เดียวกัน) ทำจากศิลา มีขนาดใหญ่ คือสูงประมาณ ๘๐ ซม.โดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ซึ่งปกครองประเทศอินโดนีเซียในขณะนั้นได้ทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จประพาสชวาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๙ อันเป็นการแสดงออกถึงวัฒนธรรมที่ไทยเราได้รับและธำรงภายใต้วัฒนธรรมพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีรูปแบบของพระสถูปอีกมากมายที่มีความต่างออกไป ทั้งนี้อาจเกิดจากช่างต้องการสร้างตามแรงศรัทธาของตน ให้มีความวิจิตร แต่ยังอยู่ภายใต้โครงแบบเดียวกันในอารยธรรมของตน
อึ๊บ! โอยยยย กลับลำเอวเคล็ดเลยไหมล่ะ สอเอ๊ย
เมื่อกี้ย่าหนุงเพิ่งอบรมเรื่องเซ็กซ์
เปิดมาหน้านี้ พี่กีรีสาดน้ำมนต์เย็นๆ ใส่กบาลโครมใหญ่
ให้รู้สึกซาบซึ้งอย่างหาที่เปรียบประมาณมิได้
ได้ทั้งความรู้ และสาระเป็นกระบุงโกย
อา…สาธุ
555+
เอานะ