โลกส่วนตัวที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น

[พูดพร่ำทำเพลง] โดย ‘พล


โลกส่วนตัวที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น

– ๑ –

ผมเป็นคนติดเพลง ติดในที่นี้เข้าถึงขั้น ลิซึ่ม มีช่วงหนึ่งที่ผมต้องเดินทางขึ้นๆลงๆระหว่างกรุงเทพฯกับจังหวัดบ้านเกิดในแทบจะทุกอาทิตย์ สิ่งที่ผมจะต้องทำในทุกๆครั้งที่เดินทางก็คือ จัดเตรียมเพลงยัดใส่ I-pod คู่ใจ ครั้งละประมาณ สิบแปดถึงยี่สิบสองเพลง แล้วแต่ความเหมาะสม เพลงแต่ละเพลงที่ถูกยัดเข้าไป ก็จะหมุนเวียนกันไปตามสภาพอารมณ์และความอยากในเวลานั้นๆ แต่ก็มีหลายเพลงที่กลายเป็นเพลง ติดเครื่อง โดยยากที่จะมีเพลงอื่นๆเข้าไปทดแทน หลังจากรถวิ่งออกจากท่าได้สักพัก ผมก็จะจัดแจงยัดเพลงทั้งหมดเข้าหูและหลบอยู่ในโลกส่วนตัวอย่างมีความสุขโดยจะขอรับรู้เรื่องราวภายในรถให้น้อยที่สุด แต่ก็มีหลายๆครั้งที่รถตู้คันที่ผมนั่ง จะหวังดีโดยการเปิดเพลงตามใจคนขับไปตลอดการเดินทาง เสียงเพลงในรถดังตีกับเสียงเพลงในหู ผมถือว่าการกระทำอย่างนี้ของคนขับเป็นการลิดรอนสิทธิในการฟังเพลง เพราะผมจะต้องอยู่กับบทเพลงที่ไม่ได้เลือกเหล่านั้น ไปอย่างน้อยก็สองถึงสามชั่วโมง

– ๒ –

เมื่อก่อนผมเป็นนักกีฬาตัวยง (แม้ถ้าใครมาเห็นรูปร่างตอนนี้แล้วอาจจะคิดว่าเล่น ซูโม่ อยู่ก็เถอะ) แต่ด้วยข้ออ้างต่าง ๆ นานาทำให้ผมไม่ได้ออกกำลังกายอย่างจริง ๆ จัง ๆ มาร่วมสองปีแล้ว แต่ช่วงเดือนนี้เป็นช่วงพิเศษที่อยู่ๆ ผมก็อยากที่จะลุกขึ้นมาดูแลตัวเองอีกครั้ง และกีฬาที่คิดถึงเป็นอันดับแรกๆ ก็คือการออกวิ่ง ด้วยเหตุผลที่ว่ามันง่ายที่สุดสำหรับวิธีการ อุปกรณ์ และสถานที่ในเวลานี้ วันแรกผมวิ่งได้ระยะเกือบหนึ่งกิโลเมตร ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนด้วยระยะทางขนาดนี้ผมวิ่งได้สามรอบอย่างสบายๆ แต่คราวนี้หลังจากวิ่งเสร็จ ผมก็รับรู้ได้ว่าความรู้สึกจะเป็นจะตายมันเป็นอย่างไร หลังจากวิ่งได้สามวัน อาการข้างเคียงก็แวะมาทักทาย โดยเริ่มจากการปวดขาและฝ่าเท้า ปวดจนเข้าใจความรู้สึกของผู้สูงอายุบางท่านที่ลุกก็ปวดนั่งก็ปวด วันนี้ผมจึงรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรออกวิ่ง แต่ครั้นจะนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านเฉย ๆ ก็กลัวร่างกายจะไม่อยู่ตัว ผมจึงเลือกใช้เสือภูเขาคู่ใจเป็นตัวช่วย โดยถือโอกาสขี่ไปรอบ ๆ หมู่บ้านเพื่อรำลึกความหลังสมัยเด็ก ๆ ไปในตัวด้วย สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับรู้ระหว่างการขี่จักรยานก็คือ เสียงเพลงตามเราไปในทุก ๆ ที่ ผมขี่ผ่าน อากง อาม่า และลุง ๆ ป้า ๆ ที่กำลังรำไทเก็ก ผมชอบเพลงจังหวะนั้นจัง มันฟังดูผ่อนคลายชวนให้สบายใจ ไม่ไกลจากกันนัก สาว ๆ ก็กำลังสนุกสนานกับ แอโรบิค โดยมีเพลงสากลจังหวะคึกคักชวนออกแข้งออกขาเป็นตัวขับเคลื่อน ขี่ไปสักพักเสียงเพลงเพื่อชีวิตเบา ๆ ของ พี่ปู พงษ์สิทธิ์ ก็ดังมากระทบโสตประสาทการได้ยิน สงสัยจะดัง มาจากร้านอาหารแถว ๆ นี้ ผมแอบฮัมเพลงตามจังหวะดนตรีด้วย พอขี่ผ่านสนามบาสเกตบอลเก่าที่ไม่มีใครคิดจะมาเล่น ก็เห็นเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งนั่งจับกลุ่มกันร้องเพลงเล่นกีตาร์อยู่ใต้แป้นบาส เด็กพวกนั้นฝีมือไม่เบาทีเดียว แม้สายกีตาร์จะเพี้ยน ๆ ไปนิดก็เถอะ

ผมไม่แปลกใจที่ได้ยินเสียงเพลงอยู่ทั่วไปหมดแต่ที่น่าแปลกก็คือเพลงเหล่านั้นล้วนแต่เป็นเพลงที่ผมไม่ได้เลือกที่จะฟัง แต่ทุกเพลงที่ได้ยิน กลับไพเราะและชวนให้มีอารมณ์สุนทรีย์ อย่างบอกไม่ถูก หรืออาจเป็นเพราะผมฟังเพลงเหล่านั้นโดยไร้ซึ่งอคติ การเริ่มรับอะไรอะไรก็ตามด้วยอคติ อาจทำให้ผมมองไม่เห็นสิ่งดีงามที่ซ้อนอยู่

– ๓ –

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาผมนั่งอยู่ในรถตู้จุดหมายปลายทางคือกรุงเทพฯ โดยมีโลกส่วนตัวอยู่ในมือเตรียมพร้อมที่จะยัดใส่หู อยู่ ๆ เสียงเพลงในรถตู้ก็ดังขึ้น เอาอีกแล้วในใจผมคิด “ตะวันยังส่องแสง ขอเธออย่าสิ้นหวัง เอาใจเป็นพลังสร้างฝันกันต่อไป…….” ผมรู้จากคนข้าง ๆ ว่า เพลงนี้ชื่อ “ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ” ของ บิว กัลยาณี ผมเงี่ยหูฟังพร้อมกับกระชับ I-pod ที่อยู่ในมือ ก่อนที่จะจับมันยัดกลับลงไปในเป้

วันนี้ผมจะฟังเพลงร่วมกันกับทุกคนในรถ

‘พล
wanwilai_pol@hotmail.com


kaawss.jpg[อ่าน พูดพร่ำทำเพลง ในฉบับอื่น] | [สารบัญ – ก้าวฯที่๑๙]

2 Responses to โลกส่วนตัวที่อยู่ร่วมกับผู้อื่น

  1. สวรรค์เสก พูดว่า:

    อืมมม

    “ฟังเพลงโดยไร้ซึ่งอคติ” ลึกฉึ้งๆๆ

    ผมเคยฝืนฟังเหมือนกันนะครับ

    ฟังเพลงในแนวที่ตัวเอง “คิดว่า” ไม่ชอบมันเลย

    แต่พอฟังไปๆๆ เออ นะ มันก็มีแง่มุม มีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่ในนั้นเหมือนกันแหละ

    ท้ายที่สุดของการฟังอะไรก็แล้วแต่ (แม้แต่การอ่าน) ผมจะพยายามเตือนตัวเองว่า เปิดในให้กว้างเข้าไว้ อย่าเพิ่งตัดสินอะไรก่อนโดยที่ยังไม่ได้ฟัง (อ่าน) แล้วขบคิดอย่างถ่องแท้

    แต่ให้ตายเถอะ แม้ผมจะพยายามจูน พยายามปรับวอลลุ่มในใจอยู่อย่างนี้ มักจะได้ยินเสียงที่ไม่สบอารมณ์ผมอยู่เรื่อยเหมือนกันแหละครับ

    ให้ตายเถอะ
    ผมชักอิจฉาคนขับรถตู้คนนั้นแล้วซิ
    เขาชอบฟังเพลงเหล่านั้นได้ไงนะ?????

  2. cotton พูดว่า:

    ถ้าเป็นชีวิตจริงของผู้เขียน ก็ขอบอกว่าคล้ายๆกัน
    ฉันติดเำพลง แบบติดจริงๆ ไม่ใช่เล่นๆ
    น้อยครั้งในชีวิตจะไม่มีเสียงเพลงอยู่ด้วย

    แ่ต่หลังๆมานี่ ก็เริ่มเพิ่มความเงียบในชีวิตบ้าง
    เงียบในที่นี้หมายถึง ไม่ยัดหูฟังเข้าหูตัว ทุกช่วงเวลาที่ออกจากบ้าน
    อย่างนั่งรถเมล์ติดบนถนนในกรุงเทพก็อดทน ไม่หนีไปในโลกส่วนตัว
    แต่ก็ไม่ได้ทำได้ตลอดนะ เพราะถ้าเจออย่างที่คุณเจอในบทที่ 3
    ฉันก็ไม่ได้อยากฟังเพลงที่ไม่อยากฟังหรือข่าวในวิทยุที่ไม่ได้สร้างสรร

    เพราะสำหรับฉัน ถ้าจะเปิดหูฟังอะไร ก็”เลือก”ที่จะฟังในสิ่งที่สนใจน่ะ

ใส่ความเห็น