วันหนึ่งที่มิใช่วันสุดท้ายของวันที่เหลือฯ

[ฟากฟ้า..ทะเลฝัน] โดย โจนาธาน

วันหนึ่งที่มิใช่วันสุดท้ายของวันที่เหลือฯ

|

เบื้องหน้าฉันเป็นหาดทรายขาวที่ถูกแต่งแต้มด้วยเศษถุงพลาสติก ซากใบมะพร้าว และเปลือกหอยที่แหลกเกือบละเอียด ไล่เรื่อยทอดยาวออกไปฟองคลื่นแล่นกระทบชายหาดอย่างแช่มช้า… ฉันไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาลมฝนที่พัดเข้ากระหน่ำชายฝั่งนั้นรุนแรงมากน้อยขนาดไหน

ฉันไม่รับรู้เหตุการณ์ใด ๆ ทั้ง ๆ ที่ฉันเองก็มิได้ย่างกรายออกไปจากกระท่อมโกโรโกโสหลังนี้สักนิด… เพียงแต่สติของฉันขาดผึงไปเสียก่อน ขาดไปตั้งแต่คลื่นลมเริ่มปรวนแปร ข้างกายฉันมีบรั่นดีชั้นเลวคอยรับใช้อยู่เคียงข้างกาย

ฉันกลายเป็นไอ้ขี้เมาประจำชายหาดนี้เสียแล้วเธอเอ๋ย… เด็กน้อยประจำชายหาดเรียกฉันว่า ‘ศิลปินขี้เมา’ เสียแล้ว

หึ- ศิลปินขี้เมาละหรอกหรือ… ยกย่องกันไปหน่อยแล้วเจ้าเด็กน้อย อย่างฉันน่ะไม่สมควรบังอาจเป็นศิลปินอะไรกับเขาหรอก วันทั้งวันได้แต่เขียนเรื่องราวเพ้อเจ้อ เพ้อฝันให้คนเขาอ่านไปวัน ๆ เท่านั้นเอง

มันก็แปลกที่เจ้าเด็กนั่นเกิดนิยมชมชอบฉันขึ้นมา- ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะหรือ?… ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเริ่มต้นขึ้นในห้วงยามไหน กระทั่งเมื่อเช้านี้เขาเดินมาหาฉันที่นี่ ปลุกฉันให้ตื่น หาน้ำหาท่าให้ฉันกิน เขาถามฉันว่า “พี่ชายเอาบรั่นดีอีกไหม” ดูสิ ดูเขากระทำต่ออย่างกับรู้ใจเสียเต็มประดางั้นละ

แน่ละว่า ฉันไม่ปฏิเสธน้ำใจของเขา ฉันรับขวดเหล้าเลว ๆ ขึ้นจรดริมฝีปากแล้วเดินออกมานั่งที่ริมหาดด้วยหวังว่าการนั้นจะช่วยทำให้ฉันสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง

แต่ก็เปล่าเลย… มันคงปรากฏในสิ่งที่ฉันได้บอกเธอไปตั้งแต่ต้น

“เมื่อคืนฝนกระหน่ำทั้งคืน” เด็กน้อยบอกฉันขณะที่ทรุดลงนั่งข้าง ๆ

เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง… ฉันรำพึงพลางโบยความรู้สึกของเขาด้วยหางตา

เขาหัวเราะ “ฉันว่าพี่เมาก่อนพายุจะเข้า”

หึ- เด็กบ้าอะไรฉลาดพูดเป็นกรด, ฉันล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จุดสูบพ่นควันสีขาวเทาเป็นทางยาวโขมงพลันจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อต้องแรงลม

“พี่ชายกินเหล้าสูบบุหรี่เป็นอาหารเช้ารึ”

ดูสิ ดูเจ้าเด็กน้อยถาม… ยัง- เขายังไม่หยุดเพียงแค่นี้หรอก “พ่อบอกพวกศิลปินมักเคียงคู่กับเหล้า บุหรี่…”

“กัญชาด้วยไอ้หนู” ฉันแทรกแทนก่อนที่เขาจะเอ่ยสิ่งนั้นขึ้นมา “แต่สำหรับฉันไม่หรอกนะ สิ่งนั้นมันไม่สามารถทำให้ฉันทำงานได้ดีขึ้นหรอก” พูดจบฉันก็รู้ตัวทันทีได้เลยว่า ‘พลาด’ ไปเสียแล้ว คำพูดของฉันเป็นสิ่งที่สานต่อความคิดของเขา

“ไฮ้! แสดงว่าสองสิ่งนี้ทำให้พี่ชายทำงานได้งั้นหรอกหรือ?”

ฉันสำลักควันทันทีทันใด “บ้า! ทำไมเธอถึงว่าอย่างนั้น ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยสักนิดเดียว”

“ฉันอยากเป็นศิลปินเหมือนพี่ชายนะ”

“แล้วเธออยากกินเหล้า สูบบุหรี่ไหมล่ะ?”

หึ- เธอรู้มั้ยว่าเขาตอบว่าอย่างไร เปล่า… เขาไม่ได้ตอบอะไรออกมาเลย เขาเพียงแต่มองหน้าไอ้ขี้เมาอย่างฉันที่พล่ามถามอะไรเขาก็ไม่รู้ ถามอะไรที่เขาไม่เข้าใจ หึ- ก็ฉันตั้งใจที่กระทำต่อเขาเช่นนั้นนี่นา มันจะมีประโยชน์อันใดหรือที่ฉันจะบอกเขาว่า “อย่าเลยนะ เธออย่าริอ่านนกระทำเรื่องพวกนี้”

เชอะ! เช่นนั้นมันจะมีประโยชน์อันใดกัน

เช่นนั้นฉันก็บ้าน่ะซี่ บ้าอย่างหาสาระไม่ได้เลย อีกอย่างเด็กนั่นก็คงย้อนถามฉันกลับว่า “แล้วพี่ชายทำทำไม” นั่นละ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ

ฉันละเกลียดเสียจริง ๆ กับคำสอนจากพวกมักอ้างว่าตนเองทำได้เพราะอย่างนั้นอย่างนี้… หึ

สุดท้ายน่ะนะ เด็กนั่นเขาก็ต้องเลือกทางเดินของเขาเองอยู่แล้ว พ่อเขา ลุงเขา พี่ชายเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากฉันหรอกจะบอกให้ และห้วงยามนี้เท่านั้นหรอกนะที่ฉันจะดำรงตนเป็นไอ้ขี้เมา…เมาหยำเปมันทุก ๆ วัน เพียงเพราะฉันทนตกอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้ มันหดหู่เกินไป หดหู่จนฉันไม่อาจยับยั้งความคิดถึงเธอได้เลยทุกขณะจิต

ฉันตื่นนอนและออกมานั่งที่ตรงนี้มากี่วันคืนแล้วฉันไม่เคยเพียรนับสักครั้ง… หากจะนับก็คงต้องนับเอาจากขวดเหล้าเลว ๆ พวกนั้น โอ… ขวดเหล้าหรอกหรือ ตายจริงกองขวดเหล้าทำมันกระจัดกระจายเหมือนคนมารื้อมันเช่นนั้นละ

“พี่ชายมองหาไอ้นี่ใช่ไหม?”

เขาอีกแล้ว เด็กน้อยกลับมาป้วนเปี้ยนกับฉันอีกแล้ว

“น้ำมันขึ้นเมื่อคืนน่ะพี่ชาย มันซัดออกมาข้างนอกนี่” เขาว่าพร้อมกับชูขวดเหล้าให้ฉัน

ฉันกระดกเหล้าชั้นเลวอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นเดินไปยังชายหาดที่เมื่อเพ่งมองอีกครั้งมันกลับเกลื่อนไปด้วยขวดเหล้านับสิบขวด, ฉันก้มลงเก็บใส่ในอ้อมแขน บอกกับเด็กน้อยว่า “หากเธอคิดจะทำร้ายทำลายตัวเอง ก็จงอย่าทำร้ายสิ่งรอบข้าง เธอจะชั่วเลวยังไง เธอก็ไม่มีสิทธิ์ทำลายสิ่งที่อยู่รายล้อมรอบตัวของเธอ”

หึ- ฉันว่าฉันพลาดอีกแล้วละ, เด็กน้อยเดินตามฉันเข้ามานั่ง ณ ที่เดิม เขานั่งมองดูฉันโยนขวดเหล้าเหล่านั้นลงถังอย่างไม่ไยดีว่ามันจะแตกแหลกสลายแต่อย่างใดไม่

“กินข้าวด้วยกัน กินหรือยังล่ะ?” ฉันถามพร้อมโยนขวดเหล้าที่เหลือครึ่งค่อนลงถัง เสียงมันแตกดังเพล้ง! “เธออยากเขียนหนังสือบ้างไหม ถ้าอยากเดี๋ยวเรามานั่งเขียนกัน ดีไหม?…”

เช้าวันนี้กระทั่งตกบ่ายเขาจึงอำลาจากฉันไป… ทิ้งฉันไว้ให้จมอยู่กับความนึกคิดคิดถึงเธออีกครั้ง

ข้างเครื่องพิมพ์ยังมีเหล้าชั้นเลวเหลืออยู่อีกหนึ่งขวด…

 

ด้วยความรักที่มีต่อเธอ
โจนาธาน

(สารบัญ – ก้าวฯที่๑๑.)

2 Responses to วันหนึ่งที่มิใช่วันสุดท้ายของวันที่เหลือฯ

  1. […] วันหนึ่งที่มิใช่วันสุดท้ายของวันท… […]

  2. คิทชา พูดว่า:

    ผมเชื่อว่าบุหรี่กับสุรามีพลังบางอย่าง ที่เหมาะสำหรับภาวะการณ์ที่ต้องนึกคิด

    การกำหนดลมหายใจเข้าออกเพื่อสร้างสมาธิ ก็คงไม่ต่างจากการสูบ พ่นควันเข้าปากออกจมูก

    ส่วนการดื่มก็คงเป็นการสนอง ความรู้สึก ความคิด ตลอดไปถึงการกระทำที่เก็บอัดอั้น
    ฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ มีค่าพอทำลายกำแพงที่ขึ้นมากั้นขวางนั้น

    แต่บ่อยครั้งที่ผมทำอย่างใด อย่างหนึ่ง เพราะความเริงรมย์

ใส่ความเห็น