LIFE IS BEAUTIFUL
|
ในช่วงเวลาแห่งมหาสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขณะที่กองทัพนาซีแห่งเยอรมันแผ่อำนาจเข้าครอบครองยุโรป ดูเหมือนว่าวิถีชีวิตของคนเชื้อชาติยิวจะเปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยนโยบายกวาดล้างเผ่าพันธุ์ยิวให้หมดไปจากโลกของฮิตเลอร์และมุสโสลินี ชาวยิวในอิตาลีก็หนีไม่พ้นชะตากรรมเดียวกัน
ร้านค้าต่าง ๆ ของชาวยิวถูกรุกรังควาน ทหารเยอรมันบุกเข้าอาละวาดรื้อทำลายข้าวของ การข่มเหงรังแกทำร้ายร่างกายบนท้องถนนมีให้เห็นเป็นปกติแต่ในขณะที่ร้านบางร้านในอิตาลีมีป้ายติดไว้ว่า ‘ห้ามคนยิวเข้า’ กลับมีร้านหนังสือเล็ก ๆ ร้านหนึ่งเขียนข้อความแนวประชดประชันไว้ที่หน้าร้านว่า ‘ร้านคนยิว’
ร้านแห่งนั้นเป็นของครอบครัวเล็ก ๆ น่ารักครอบครัวหนึ่ง ซึ่งมี กุยโด– ชายอิตาเลียนเชื้อสายยิวผู้ซึ่งพยายามมองโลกอันเลวร้ายรอบตัวในมุมที่สนุกสนาน กุยโดเป็นผู้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยจินตนาการและมุกตลก เขามีพรสวรรค์ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและการพูดคุยเล่าเรื่องของเขาก็ดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง กุยโดพบรักและแต่งงานกับ ดอร่า– หญิงสาวจากครอบครัวสูงศักดิ์ของเมืองและมีลูกชายวัยกำลังน่ารักคนหนึ่งชื่อ โจชัว
เด็กชายโจชัวซึ่งกำลังเติบโตขึ้นท่ามกลางบรรยากาศหม่นมัวมืดครึ้มแห่งสงครามและการกดขี่ทางเชื้อชาติมีคำถามมากมายกับสังคมรอบตัว และเป็นคุณพ่อกุยโดนั่นเองที่พยายามทั้งสอนและหลอกล่อด้วยมุกตลกให้เด็กน้อยมองเห็นในมุมที่สวยงามของชีวิต เสกสรรความโหดร้ายให้เป็นเรื่องสนุกสนาน ปั้นแต่งความสลดหดหู่ให้เป็นเรื่องตลก เพียงเพื่อไม่ให้โจชัวรับรู้ถึงความชั่วร้ายป่าเถื่อนของสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
แต่สุดท้ายเงามืดแห่งสงครามก็แผ่คลุมมาถึงครอบครัวของกุยโด..
กุยโดและโจชัวถูกเกณฑ์ไปยังค่ายกักกันชาวยิวของนาซี ดอร่าซึ่งไม่มีเชื้อสายยิวได้รับการยกเว้นแต่เธอก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่โดยปราศจากสามีและลูกได้ ดอร่าตัดสินใจเดินทางไปกับรถไฟมรณะขบวนนั้นด้วยเช่นกัน
ท่ามกลางความทุกข์ทรมานในค่ายกักกันชาย กุยโดกุเรื่องราวขึ้นมาหลอกโจชัวเพื่อไม่ให้หวั่นกลัวว่าคนที่ถูกเกณฑ์มายังค่ายแห่งนี้กำลังแข่งขันเกมแย่งชิงรถถัง ซึ่งมีกติกาว่าทุกคนจะต้องผ่านด่านต่าง ๆ มากมาย เช่นการทำงานหนัก การฝึกความอดทนต่อความลำบากในค่ายหรือกระทั่งการถูกเฆี่ยนตีทรมาน โดยจะมีทหารคอยจับตัวผู้ที่ยอมแพ้หรือทำผิดกติกาส่งกลับบ้าน แต่หากใครสามารถสะสมแต้มได้ถึงหนึ่งพันคะแนนเป็นคนแรกก็จะเป็นผู้ชนะและได้รถถังของจริงไปครอบครอง
ในขณะที่ถูกแวดล้อมไปด้วยใบหน้าแห่งความเศร้าหม่นและสิ้นหวังของเชลยชาวยิว กุยโดยังคงสร้างรอยยิ้มและความสนุกตื่นเต้นให้กับโจชัวได้เสมอ ในความคิดของเด็กน้อยการที่ต้องกินอาหารเลว ๆ แต่งตัวสกปรกมอมแมม นอนในที่อึดอัดคับแคบและทำงานหนักในค่ายกักกันเป็นเพียงการทำคะแนนสะสมเพื่อแย่งชิงรถถังเท่านั้น กุยโดจำต้องแก้ไขสถานการณ์หลายครั้งเพื่อให้โจชัวยังคงสนุกและมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ในค่ายกักกันที่เหมือนว่าจะเป็นจุดจบของเชลยชาวยิวทุกคน
ชีวิตอันสิ้นหวังและไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เห็นแม้เศษเสี้ยวแห่งความสวยงาม…
จนเมื่อสงครามใกล้จะยุติ กองทัพนาซีซึ่งกำลังจะพ่ายแพ้สงครามได้ทำการกวาดล้างชาวยิวในค่ายกักกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ค่ายจะแตก ในคืนนั้นกุยโดซึ่งพอจะเดาเหตุการณ์ออกได้บอกกับโจชัวว่ากำลังจะชนะเกมรถถัง โดยคะแนนสุดท้ายจะได้มาหากโจชัวสามารถซ่อนตัวอยู่ในตู้ไม้เล็ก ๆ ตู้หนึ่งตลอดทั้งคืนและออกมาเมื่อไม่มีใครอยู่ข้างนอกแล้วเท่านั้น แน่นอนว่า นั่นเป็นอุบายที่จะทำให้โจชัวปลอดภัยที่สุดในคืนที่ทหารเยอรมันไล่ล่าสังหารหมู่ชาวยิวให้สิ้นซาก หลังจากที่พาลูกไปซ่อนในตู้ไม้แล้วกุยโดพยายามที่จะปีนเข้าไปในเขตค่ายกักกันหญิงเพื่อจะพบกับดอร่าเป็นครั้งสุดท้ายแต่เขาก็ถูกทหารเยอรมันจับตัวได้
บางคนตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า ชีวิตเป็นสิ่งสวยงามจริงหรือ? ในเมื่อโลกรอบข้างเต็มไปด้วยความเอารัดเอาเปรียบ แก่งแย่งชิงดี ความเกลียดชัง เห็นแก่ตัวหรือกระทั่งสงครามที่มองไม่เห็น โดยเฉพาะในช่วงเวลาอันเลวร้ายและสิ้นหวัง ความเศร้าหม่นที่ฉาบทาอยู่บนดวงตานั้นบดบังทุกสิ่งอย่าง ยังจะมีความสวยงามใดของชีวิตที่หลงเหลือให้มองเห็น?
นั่นอาจเป็นเพราะเราคุ้นเคยกับความสวยงามจากสายตาของตนเอง เราเข้าใจว่าความสุขคือสิ่งที่ทำให้ตัวเราเองมีความสุข แต่แท้จริงแล้ว ชีวิตหนึ่งจะสวยงามได้ก็ต่อเมื่อมันได้สร้างความสวยงามให้ปรากฏขึ้นในชีวิตของคนรอบข้างด้วย การเปิดให้ดวงตาคู่อื่น ๆ ได้มองเห็นความสวยงามของโลกใบนี้ไปด้วยกัน
ในระหว่างที่ถูกนำตัวไปสังหาร ขณะกำลังเดินผ่านตู้ไม้ที่โจชัวซ่อนตัวอยู่ กุยโดยังคงแสร้งทำเป็นว่ากำลังเล่นอยู่ในเกมรถถัง แม้จะถูกปืนจ่ออยู่ข้างหลังแต่เขาก็ยังทำท่าตลกเดินเลียนแบบทหารและหันมายิ้มให้โจชัว…
นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่โจชัวได้เห็นพ่อ
และนั่นเองคือสิ่งที่ทำให้ใครบางคนได้รับรู้ว่า ชีวิตช่างเป็นสิ่งสวยงามเสียนี่กระไร… •
.
LIFE IS BEAUTIFUL (1997)
“An unforgettable fable that proves love, family and imagination conquer all.”
กำกับการแสดงโดย
– ROBERTO BENIGNI
นำแสดงโดย
– ROBERTO BENIGNI
– NICOLTTA BRASCHI
– GIORGIO CANTARINI
ภาพประกอบ
– www.cinemac.net
Yes, it’s an unforgettable with deep impression film, very touching.
i like it so much
เรารักอิสราเอล บารุค บาฮา บาเชม อาโดนาย
เราจะเคียงข้างอิสราเอล…จากโยชูวาประเทศไทย ตะเกียงน้อย