ชีวิตน้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย มันช่างสดใส มีชีวิตชีวา เหลือเกิน
ฉันได้รู้จักผู้คนมากมาย ฉันได้พานพบกับชีวิตในอีกด้าน
ด้านที่ไม่มีพ่อแม่มาคอยจับตามอง
ฉันมีอิสระที่จะกำหนดทิศทางชีวิตในแบบที่ฉันต้องการ
เมื่อแรกฉันอยู่ ‘หอใน’ ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้
ฉันอยู่ได้ไม่นานหรอก ฉันอยากย้ายออกไปอยู่ ‘หอนอก’
ฉันเอียนกับกฏระเบียบร้อยแปดที่นักศึกษา ‘หอใน’ ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
มันตีกรอบจนทำให้ฉันอึดอัด
ฉันโทรฯทางไกลไปชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อให้พ่อแม่จำนนต่อเหตุผลและยอมให้ฉันย้ายไปอยู่ ‘หอนอก’ ได้ตามต้องการ และฉันก็เป็นฝ่ายชนะ
**********
ชีวิตเมื่ออยู่ ‘หอนอก’ ทำให้ฉันได้รู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่ง พี่เขาอยู่ชั้นบนถัดจากชั้นที่ฉันอยู่ไปเพียงชั้นเดียว ฉันอยู่ชั้นสาม พี่เขาอยู่ชั้นสี่
ครั้งแรกที่เราได้เจอกัน ตอนนั้นฉันจำได้ว่า ฉันกำลังเดินหิ้วถุงขยะลงไปทิ้งข้างล่างตึก ด้วยความทุลักทุเล เราบังเอิญเจอตรงขั้นบันไดชั้นสอง เมื่อเห็นว่าฉันทำท่าจะหิ้วถุงขยะไปไม่รอด พี่เขาจึงยื่นมือมาช่วย รับถุงขยะจากมือฉัน แล้วเราก็เดินลงไปทิ้งขยะชั้นล่างด้วยกัน และหลังจากนั้นเราก็เริ่มสนิทกัน
มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น
พี่เขาดีกับฉันมาก
ฉันมีเพื่อนไม่มากนัก จนแทบจะไม่มีเพื่อนเลย
ผู้คนมากมายแต่ฉันรู้สึกว่าคนพวกนี้ได้โอกาสมาได้อย่างไร ทำไมคนพวกนี้ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยไปอย่างสิ้นเปลือง
คนพวกนี้ห่วงสวย ห่วงหล่อ มากกว่าห่วงเกรดที่จะออกมาตอนปลายภาคเรียน
ฉันเป็นคนนอกสำหรับพวกเขา
ยกเว้นพี่เขาคนเดียว ที่ดีกับฉับ คอยเป็นห่วงเป็นใยฉัน
พี่เขาช่วยเหลือฉันดีกว่าพี่รหัสแท้ๆของฉันเสียอีก
ฉันตกหลุมรักพี่เขาเข้าแล้วล่ะ
**********
เรารู้จักกันมานานเท่าไรแล้วนะ ตอนนี้ฉันก็จะขึ้นปีสองแล้ว
แต่ช่างมันเหอะ ฉันขอเพียงวันนี้และวันต่อไป ฉันจะมีพี่เขาอย่างนี้ไปจนตลอด
**********
วันนี้ไม่รู้พี่เขาคิดอย่างไรชวนฉันให้ขึ้นไปหาเขาที่ห้องของเขาตอนห้าทุ่ม
เลิกเรียนฉันกลับมาที่ห้องด้วยความกระวนกระวายใจ ฉันจะทำอย่างไรดี
พี่เขาอาจจะสารภาพรักกับฉัน อาจจะค่อยๆ โน้มตัวลงมาจูบฉันอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปาก หลังจากที่บอกรักฉันแล้ว
ฉันควรทำอย่างไรดี ฉันสับสนเหลือเกิน
“เธอรักเขาไหมล่ะ” เสียงหนึ่งจากห้วงภายในทำให้ฉันหยุดคิด
“รัก” ฉันตอบโดยไม่ลังเล
“งั้นจงยอมทำตามที่เขาปรารถนา แล้วเธอจะได้รัก ตามที่เธอต้องการ”
ฉันตาสว่าง อย่างนั้นฉันต้องเตรียมตัว
ฉันเดินลงไปที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่างตึก
ฉันได้ถุงยางอนามัยมาสองกล่องติดมือมาเมื่อกลับถึงห้องอีกครั้ง
ฉันเตรียมอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาดผุดผ่อง เทียบเท่าพรมจารีย์ที่ฉันรักษาไว้อย่างหวงแหนมาเนิ่นนาน
หลังอาบน้ำ ฉันพรมน้ำหอมกลิ่นรัญจวนใจ
ฉันพร้อมแล้ว–
เวลานัดหมายเดินมาถึง
ฉันเปิดประตูแล้วก้าวเดินออกไป
“ฉันพร้อมแล้ว ฉันพร้อมแล้ว” ฉันท่องประโยคเหล่านี้ในทุกย่างก้าวจนกว่าจะถึงที่หมาย
ฉันเคาะประตูห้องของพี่เขาโดยไม่ลังเล
หากแต่ไม่ใช่พี่เขาเป็นคนมาเปิด
ผู้หญิงหน้าสวย หุ่นดี พันกายด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กจนแทบปิดอะไรไม่มิด เป็นคนมาเปิด
ฉันจำได้ผู้หญิงคนนี้ เป็นรุ่นพี่ที่เรียนคณะเดียวกับพี่เขา
“แล้วหล่อนมาทำอะไรที่นี่” คำถามผุดขึ้นภายในใจ
“เข้ามาก่อนจ้ะ พี่เขากำลังอาบน้ำ” หล่อนเชื้อเชิญ
ไม่รู้ว่าอะไรบังคับให้ขาฉันย่างเหยียบเข้าไปในห้องนั้น แล้วรอคอยพี่เขา
**********
ฉันหลับตอนไหนไม่รู้ อากาศช่างเย็นเยียบเหลือเกิน
ลมกรรโชกแรงเมื่อฉันตื่น ฉันนอนขดอยู่บนพื้นซีเมนต์บนชั้นดาดฟ้า
“พี่รักเราแบบน้องสาว พี่สงสารเรา ที่ไม่มีใครคบ”
“พี่มีแฟน เราอยู่ด้วยกันมานานแล้ว ก็เหมือนคู่ผัวเมียนักศึกษาอื่นๆ”
“พี่รู้ว่าเราคิดยังไงกับพี่ พี่ลำบากใจนะ”
“เลิกคิดแบบนั้นกับพี่ได้ไหม ถ้าเลิกคิดแบบนั้นกับพี่ไม่ได้ พี่ว่าเราอยู่ห่างๆกันก่อนดีกว่า”
“จนกว่าเราจะคิดยอมรับได้ จนกว่าจะถึงเวลาเรานั้นเราอย่าเจอกันเลยนะ”
ถ้อยคำเหล่านี้ ดังสะท้อนก้องกังวานอยู่ในหูของฉันมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว–
ฉันลุกขึ้นยืนดูนาฬิกาข้อมือ ถึงเวลาแล้วสินะ
ฉันหันหน้าหาดาดฟ้า ปล่อยส้นเท้าเลยออกนอกชายขอบอาคารอย่างหมิ่นเหม่
ทุกวันในเวลานี้พี่เขาจะออกมาที่ระเบียงเพื่อซึมซับบรรยากาศยามเช้า
จุดที่ฉันยืนอยู่มันตรงกับระเบียงห้องของพี่เขาพอดี
ฉันคงทำใจให้เลิกรักพี่เขาไม่ได้
ฉันขอสบตากับเขาอีกเพียงสักครั้ง ก่อนฉันจะตาย
ฉันทิ้งตัวเองลงมาจากดาดฟ้า…
แล้วฉันก็สมหวัง
**********
ไอซ์
ท่านมองเรื่องราวแต่ละเรื่องได้อย่างมีมิติ…
เขียนต่อไปครับผม
งานเขียนที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานเขียนประเภทวรรณกรรม แม้ว่าจะเป็นงานของนักเขียนมีชื่อหรือไม่มีชื่อก็ตาม
สิ่งสำคัญคือมุมมองและทัศนะ
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในงานนั้นนอกจากมุมมองและทัศนะที่ควรเป็นในงานแล้ว การสะท้อนภาวะของตัวละครมันควรจะบอกว่าเราใช้ความคิดมากกว่าใช้อารมณ์โรแมนติกพาไป
จะพูดยังไงดีหว่า
เอาเป็นว่า เรื่องนี้น่าจะ “หนัก” และ “หน่วง” กว่านี้ เพราะเดินเรื่องมาด้วยกระแสสำนึก
แต่ข้อบกพร่องนั้น อ่านตอนแรกคิดว่าคัวเอกเป็นผู้ชาย เพราะจากท่อนนี้ “ฉันเดินลงไปที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่างตึก
ฉันได้ถุงยางอนามัยมาสองกล่องติดมือมาเมื่อกลับถึงห้องอีกครั้ง”
ฉะนั้น- “พี่” รุ่นพี่คนนั้นจึงน่าจะเป็นผู้หญิง
แต่คนที่มาเปิดประตูกลับเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่มันมีความขัดแย้งอยู่ตรงที่ “ลมกรรโชกแรงเมื่อฉันตื่น ฉันนอนขดอยู่บนพื้นซีเมนต์บนชั้นดาดฟ้า
“พี่รักเราแบบน้องสาว พี่สงสารเรา ที่ไม่มีใครคบ”
“พี่มีแฟน เราอยู่ด้วยกันมานานแล้ว ก็เหมือนคู่ผัวเมียนักศึกษาอื่นๆ””
เราจะสรุปได้ว่าตัวเอก “ฉัน” ในเรื่อง เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? และ”พี่”มีแฟนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรือเลสเบี้ยนหรือทอมดี้? ด้วยคนที่มาเปิดประตูให้เป็นผู้หญิงในชุดผ้าขนหนู
และเพียงแค่นี้ มันไม่น่าจะทำให้ “ฉัน” ถึงกับคิดฆ่าตัวตายได้เลย ด้วยเรื่องไม่ได้ชักนำพาให้คนอ่านเชื่อว่า “ฉัน” รู้สึกหนักมากจนน่าจะฆ่าตัวตายได้
งานโรแมนติกคืองานที่พยายามจะดึงคนอ่านให้ร่วมในอารมณ์ความรู้สึก แก่นเรื่องจะเป็นไปในท่วงทำนองของงานเพ้อฝัน แต่งานโทกสกุลก็ต้องมีเหตุผลมารองรับตัวละคร ไม่เว้นแม้แต่งานแนวเหนือจริง
ขึ้นเรื่องมาด้วยกระแสสำนึก(ในท่อนที่ ๒ ) น่าจะใช้มันเดินเรื่องจนจบ เพราะจะง่ายต่อการวิพากษ์และอธิบายความคิดเรา
// ถือวิสาสะวิจารณ์นะ เพราะไอซ์เคยบอกว่าอยากให้พี่อ่านและวิจารณ์
ยินดีครับพี่
และ
ขอบคุณครับผม
ขอบคุณด้วยคนขอรับ