[ก้าวฯกวี]
บทเพลงแห่งวิหคลืมไพร
๑)
_____สกุณานิราศร้าง รังนอน ถลาเร่พเนจร โลกกว้าง ไร้รังรักแรมรอน ไร้หลัก ฤาจะคงเคว้งคว้าง เร่ร้าง แรมนิรันดร์ . . _____ใครกำหนดกฎเกณฑ์ไว้เช่นนี้ ครบขวบปีปีกกล้าพาใจฝัน รู้ทะเยอทะยานอยากบากบั่น ดันทุรังนิราศร้างตามทางใจ มีดวงฝันอันเลิศประเสริฐยิ่ง กว่าความจริงที่ถูกทิ้งเอาไว้ กว่ากลิ่นสาบคราบโคลนกลิ่นคราบไคล หวังถวิลกลิ่นใหม่ไกลกลิ่นโคลน เจ้าวิหคผกผินบินหลงฟ้า หกคะเมนตีลังกาท่าผาดโผน ดูห่างไกลกระไอดินกลิ่นอ่อนโยน ของลอมฟางข้างโคนต้นสะเดา เมื่อกลิ่นฝันอันหอมได้หลอมรวม กับภาพฝันอันท่วมทับคนเขลา เกิดลำนำคำหอมกล่อมให้เนา แนบรอยเท้าก้าวต่อบริโภคนิยม ก้าวต่อก้าวราวหลงเป็นวงวน เจ้าสู้ทนจนผ่านทั้งหวานขม คว้าเพียงความว่างเปล่าเอามาชม นี่หรือความนิยมนิยามกัน ใครกำหนดกฎเกณฑ์ไว้เช่นนี้ ให้เซ่นพลีบูชาเงินตราสวรรค์ ทิ้งเรือนรังหลังเก่าเนานานวัน มาประจันผจญพเนจร ครั้งถึงคราวเจ้าวิหคตกจากฟ้า ปีกเคยกล้ากลับล้าราแรงอ่อน ขับลำนำคำขานเป็นกานท์กลอน สะทกสะท้อนสะท้านสะเทือนใจ ฯ
.
ณ เวียงบุณย์
สะทกในใจเมื่ออ่านกวีบทนี้จบ
สะท้อนความนัยสื่อถึงใจผมเลยล่ะครับ
สะท้านฟ้าสะท้านดินถิ่นที่เคยอยู่ ลำเนาที่จากมา
สะเทือนใจว่าเมื่อไหร่หนอถึงจะได้หวนกลับไปหาอุ่นไอดินนั้น
ด้วยมิตรภาพครับ
นายสอ ใส่สเกต
โหหหหหห